วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

นายผี อัสนี พลจันทร์



000วันที่ 22 พ.ย. 2547 เป็นวันครบรอบ 7 ปี ที่"นายผี อัสนี พลจันทร์" ได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ และบังเอิญเหลือเกินที่เราได้มีโอกาส อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องมาจากการกลับสู่บ้านเกิดของ "นายผี" ในครั้งนี้ หากท่านที่รู้ หรือไม่รู้ มาก่อน เราไม่อาจทราบได้ แต่เราอยากจะขอถอดข้อความบางส่วนในหนังสือเล่มนี้ มานำเสนอ เพื่อเป็นการ เชิดชูเกียรติ และรำลึกถึง ท่านเจ้าของเพลง "คิดถึงบ้าน" หรือ "เดือนเพ็ญ"อันจะถือว่าเป็นเพลงครูอัน อมตะนิรันดร์กาล ของเพลงเพื่อชีวิตเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าท่านผู้นี้ได้ล่วงลับไปนานนับสิบกว่าปี แต่ชีวิต การเดินทาง การต่อสู้ ของท่าน ผลงาน บทกวี ทั้งหลาย ยังคงได้ถ่ายทอด สู่ประชาชน รุ่นหลังเสมอมา และท่านยังคงอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไปเพลง "คิดถึงบ้าน"หรือ "เดือนเพ็ญ" อาจนับได้ว่าเป็นเพลงที่ถูกบันทึกเสียง และขับขานในวาระต่าง ๆ มากที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และด้วยเพลงนี้เองที่ทำให้ชื่อของ นายผี อัสนี พลจันทร์ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปทั้งในอดีตและปัจจุบันสุรชัย จันทิมาธรเป็นคนนำเพลงนี้ออกมาจากราวป่า และบันทึกเสียงครั้งแรกในนามของวง "คาราวาน" กับอัลบั้มชุด "บ้านนาสะเทือน" เมื่อปี 2526 ต่อมาในปี 2528 ยืนยง โอภากุล ได้นำมาบันทึกเสียงอีกครั้ง ในนาม "แอ๊ด คาราบาว" กับอัลบั้มชุด "กัมพูชา" และได้เปลี่ยนชื่อเพลงเป็น "เดือนเพ็ญ" พร้อมทั้งสลับท่อนเนื้อร้องแต่เดิม หลังจากนั้นมีผู้นำเพลงนี้ไปบันทึกเสียงอีกนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งอัลบั้มปกติแและอัลบั้มบันทึกการแสดงสด อาทิ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์, คนด่านเกวียน, อัสนี-วสันต์ โชติกุล, พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ, หรือแม้แต่นักร้องลูกทุ่งอย่าง มนต์สิทธิ์ คำสร้อย, สุนารี ราชสีมา, สายัณห์ สัญญา , ยอดรัก สลักใจ ก็ยังได้นำไปบันทึกเสียงใหม่อีกด้วย รวมไปถึงวงภูสระ ก็ได้นำไปทำใหม่ในชื่อชุด "สืบทอดเดือนเพ็ญ พลจันทร คิดถึงบ้าน" อันเป็นเทปเพลงเพื่อหารายได้เข้ากองทุนพิทักษ์วรรณกรรมและลิขสิทธิ์ของนายผีสุรชัย จันทิมาธร บันทึกถึงที่มาของเพลงนี้ไว้ในถนนหนังสือ ฉบับเดือนตุลาคมปี 2528 ว่า "…….ที่สนามรบก่อนจะเกิดศึกใหญ่ (หมายถึงยุทธการล้อมปราบในเขตน่านเหนือ) ผมได้พบญาติพี่น้องซึ่งเป็นสายทางเขา (นายผี) เพลง "คิดถึงบ้าน" ถูกร้องให้ผมฟังโดย หมอตุ๋ย สหายหญิงผิวคล้ำคนภาคกลางแถบราชบุรี ซึ่งเป็นญาติของเขา และบอกว่าเป็นเพลงที่นายผีแต่งขึ้นตั้งแต่พลัดบ้านพลัดเมืองไปอยู่ที่กรุงปักกิ่ง เป็นเวลาเกือบ 30 ปีมาแล้ว" ส่วนเนื้อเพลงฉบับดั้งเดิม มีดังนี้…..คิดถึงบ้านเดือนเพ็ญ แสงเย็นเห็นอร่าม นภาแจ่มนวลดูงามเย็นยิ่งหนอยามเมื่อลมพัดมาแสงจันทร์นวลชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่จากมาคิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนากองไฟสุมควายตามคอก คงยังไม่มอดดับดอกจันทร์เอยช่วยบอกให้ลมช่วยเป่าโหมไฟให้แรงเข้า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาวให้พี่น้องเฮานอนหลับอุ่นสบายเรไรร้องฟังดังว่า เสียงเจ้าที่เฝ้าคอยหาลมช่วยมากระซิบข้างกายข้ายังคอยอยู่ไม่หน่าย ไม่เลือนเคลื่อนคลาย คิดถึงมิวายที่เราจากมาลมเอยช่วยเป็นสื่อให้ น้ำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไปบอกเขานำนาให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้าในอกแม่เอย.11.15 น. ของ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2540"เดือนเพ็ญ" ได้เดินทางกลับสู่ "ถิ่นที่จากมา" ณ จุดกึ่งกลางสะพานมิตรภาพ โดยรถตู้สีเทา เขามาในกระเป๋า STOWAWAY CLASSIC สีเขียว โดยมีพระภิกษุสามรูปถือสายสิญจน์ ผูกโยงเข้ากับกระเป๋า เป็นผู้นำทางเขากลับสู่บ้านเกิด หลังจากที่เขาต้องทรมานด้วยโรครูมาตอย รวมไปทั้ง โรคกระเพาะเรื้อรัง อันกลายมาเป็นมะเร็งในลำไส้ จนกระทั่ง ปี 2530 นายผีขอกลับคืนประเทศลาวได้ แต่เมื่อมาพำนักได้แค่ แขวงอุดมไชย ในวันที่ 28 พฤศจิกายน เขาก็ได้เสียชีวิตลง22 พฤศจิกายน 2547 นับถอยหลังไปได้ 7 ปีแล้วสินะ ที่ "นายผี" ได้กลับสู่ อ้อมอกอันอบอุ่นของแผ่นดินไทย ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาได้แค่โครงกระดูก แต่หากดวงจิต และวิญญานของท่านเท่านั้นที่ไม่เคยจากแผ่นดินเกิด ไปได้เลย "เดือนเพ็ญ" ดวงไหน ๆ ก็ไม่กระจ่างในดวงใจ เท่า พลจันทร์ เดือนเพ็ญดวงนี้ และเราก็คิดว่า ท่านจะเป็นเดือนเพ็ญ ในใจของลูกหลาน ตลอดไป

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก